fbpx

ประเทศในสหภาพยุโรป ได้แก่ ฝรั่งเศส, เยอรมนี, สเปน, อิตาลี, สวีเดน, เดนมาร์ก, ฟินแลนด์, ออสเตรีย, เบลเยียม, เนเธอร์แลนด์, ไอร์แลนด์, โครเอเชีย, ไซปรัส, สาธารณรัฐเช็ก, เอสโตเนีย, กรีซ, ฮังการี, ลัตเวีย, ลิทัวเนีย, ลักเซมเบิร์ก, มอลตา, โปแลนด์, โรมาเนีย, สโลวาเกีย และ สโลวีเนีย

—Pngtree—map navigation pointer with european_4994556

ประเทศในสหภาพยุโรป ได้แก่ ฝรั่งเศส, เยอรมนี, สเปน, อิตาลี, สวีเดน, เดนมาร์ก, ฟินแลนด์, ออสเตรีย, เบลเยียม, เนเธอร์แลนด์, ไอร์แลนด์, โครเอเชีย, ไซปรัส, สาธารณรัฐเช็ก, เอสโตเนีย, กรีซ, ฮังการี, ลัตเวีย, ลิทัวเนีย, ลักเซมเบิร์ก, มอลตา, โปแลนด์, โรมาเนีย, สโลวาเกีย และ สโลวีเนีย

1. ยกเลิกการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มในการนำเข้าที่มีมูลค่าต่ำกว่า 22 ยูโร

ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป จะมีการเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มกับสินค้าเชิงพาณิชย์ทั้งหมดที่นำเข้ามาในสหภาพยุโรป ไม่ว่าจะมีมูลค่าเท่าไรก็ตาม การส่งมอบสินค้ามูลค่าต่ำกว่าหรือเท่ากับ 150 ยูโรสามารถเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มได้ในขณะที่ขายโดยใช้ระบบ Import One-Stop-Shop (IOSS) ใหม่ หรือสามารถเรียกเก็บจากลูกค้าปลายทางโดยผู้ดำเนินการผ่านพิธีการศุลกากรหรือ customs declarant

ก่อนวันที่ 1 กรกฎาคม 2564

  • สินค้าที่มีมูลค่ารวมไม่เกิน 22 ยูโร สามารถนำสินค้าเข้าสหภาพยุโรปได้โดยไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม
ลูกศร-icon-png-52png

วันที่ 1 กรกฎาคม 2564

  • สินค้าทั้งหมดจะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มไม่ว่าจะมีมูลค่าเท่าไรก็ตาม โดยจะคิดภาษีมูลค่าเพิ่มตามอัตราที่กำหนดในประเทศปลายทาง

2. การเริ่มใช้ระบบ Import One-Stop Shop (IOSS)

Import One Stop Shop (IOSS) คือ ระบบอิเล็กทรอนิกส์สำหรับให้ผู้ประกอบการ ลงทะเบียนและชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ จุดเดียว แทนการชำระภาษีในแต่ละประเทศสมาชิกที่ผู้บริโภคปลายทางอาศัยอยู่ ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อผู้ประกอบการขนาดเล็กที่มีทรัพยากรจำกัด โดยผู้ประกอบการสามารถเลือกลงทะเบียนในประเทศสมาชิกอียูประเทศใดก็ได้ เพราะการลงทะเบียนมีผลสมบูรณ์ในทุกประเทศสมาชิกอียู

 

สำหรับสินค้าอีคอมเมิร์ซที่มีมูลค่าไม่เกิน 150 ยูโร สหภาพยุโรปได้แนะนำทางเลือกอย่างระบบ IOSS เพื่อดำเนินพิธีการศุลกากรให้กับสินค้า ซึ่งจะอนุญาตให้ผู้ขายหรือตลาดออนไลน์เรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มที่จุดขาย และส่งภาษีมูลค่าเพิ่มไปให้เจ้าหน้าที่ได้โดยตรง

 

หากไม่ได้ใช้ระบบ IOSS ทาง FastShip จะเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ส่งพัสดุก่อนการจัดส่งและ ชำระให้กับเจ้าหน้าที่ต่อไป

ก่อนวันที่ 1 กรกฎาคม 2564

  • ธุรกิจอีคอมเมิร์ซนอกสหภาพยุโรปจะต้องจดทะเบียนและจัดทำรายการภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับลูกค้าในแต่ละประเทศของสหภาพยุโรป
ลูกศร-icon-png-52png

วันที่ 1 กรกฎาคม 2564

  • ธุรกิจอีคอมเมิร์ซนอกสหภาพยุโรป ต้องลงทะเบียน IOSS โดยมอบหมายให้ตัวแทนดำเนินการลงทะเบียนและสำแดงภาษีมูลค่าเพิ่มในนามของตน เว้นแต่จะจัดตั้งขึ้นในสหภาพยุโรปเอง และจะต้องแจ้งหมายเลข IOSS ของตนให้กับผู้ดำเนินการผ่านพิธีการศุลกากรทราบ
  • เจ้าของธุรกิจสามารถเลือกที่จะปิดการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในต่างประเทศ และเข้าใช้ระบบ IOSS ในประเทศเดียวภายในสหภาพยุโรป โดยเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ จุดขาย หรือ สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปเหมือนในปัจจุบัน โดยที่ลูกค้าของพวกเขาจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่ม ในขั้นตอนการนำเข้า

ภาษีมูลค่าเพิ่มจากการขายสินค้าประเภท B2C ที่นำเข้ามายังสหภาพยุโรป จะต้องส่งภาษีมูลค่าเพิ่มแบบรายเดือนไปยังประเทศสมาชิกของสหภาพยุโรปที่ได้รับการเสนอชื่อ โดยภาษีมูลค่าเพิ่มดังกล่าวจะถูกส่งต่อไปยังหน่วยงานภาษีในประเทศปลายทางต่อไป นั้นคือธุรกิจต่างๆ จะไม่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในทุกประเทศที่ขายภายในสหภาพยุโรปอีกต่อไป

vat-taxes-outline-vector-icon-value-added-tax-simple-line-illustration-sign-inear-style-sign-mobile-concept-web-design-can-184125356

ภาษีมูลค่าเพิ่มจากการขายสินค้าประเภท B2C ที่นำเข้ามายังสหภาพยุโรป จะต้องส่งภาษีมูลค่าเพิ่มแบบรายเดือนไปยังประเทศสมาชิกของสหภาพยุโรปที่ได้รับการเสนอชื่อ โดยภาษีมูลค่าเพิ่มดังกล่าวจะถูกส่งต่อไปยังหน่วยงานภาษีในประเทศปลายทางต่อไป นั้นคือธุรกิจต่างๆ จะไม่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในทุกประเทศที่ขายภายในสหภาพยุโรปอีกต่อไป

3. ตลาดออนไลน์บางแห่งมีหน้าที่เก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม

ตลาดออนไลน์ที่อยู่ภายใต้กฎภาษีมูลค่าเพิ่มใหม่ ของสหภาพยุโรปสามารถเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในด้านธุรกรรมการขายได้ ซึ่งช่วยให้ผู้ขายสามารถขายสินค้าให้กับลูกค้าได้โดยตรง

 

หาก Marketplace ได้ลงทะเบียนระบบ IOSS ไว้ ตลาดออนไลน์นั้นๆจะเป็นผู้รับผิดชอบในการเก็บ รายงาน และส่งภาษีมูลค่าเพิ่มที่ต้องชำระจากผู้บริโภคปลายทาง โดยระบบ IOSS จะมีผลบังคับใช้กับการนำเข้าสินค้าประเภท B2C ที่มีมูลค่าไม่เกิน 150 ยูโรในสหภาพยุโรปซึ่งดำเนินการผ่านทางออนไลน์

 

ธุรกิจที่ขายสินค้าผ่าน ตลาดออนไลน์ ที่ลงทะเบียน IOSS จะต้องใช้หมายเลข IOSS ของ ตลาดออนไลน์นั้น และแจ้งหมายเลขนั้นต่อผู้ดำเนินการผ่านพิธีการศุลกากรของสหภาพยุโรปหรือ customs declarant

 

ธุรกิจที่ขายสินค้าบน ตลาดออนไลน์หลายแห่ง ควรเก็บหลักฐานที่ชัดเจนเกี่ยวกับการขายที่ดำเนินการผ่านแต่ละแห่ง นอกจากนี้ยังควรระบุหมายเลข IOSS ที่เกี่ยวข้องสำหรับการขายแต่ละครั้งให้กับผู้ดำเนินการผ่านพิธีการศุลกากรของสหภาพยุโรปหรือ customs declarant

ก่อนวันที่ 1 กรกฎาคม 2564

  • ลูกค้าที่ซื้อสินค้าจากผู้ขายนอกสหภาพยุโรปต้องรับผิดชอบในการชำระภาษีมูลค่าเพิ่มจากการซื้อในขณะที่นำเข้า
ลูกศร-icon-png-52png

วันที่ 1 กรกฎาคม 2564

  • หากตลาดออนไลน์กลางที่ลงขายสินค้านั้นลงทะเบียนใช้ IOSS ตลาดออนไลน์ดังกล่าวจะมีหน้าที่รับผิดชอบในการเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากลูกค้าในขณะที่ทำการซื้อขาย และจะเป็นผู้ส่งต่อภาษีมูลค่าเพิ่มที่เรียกเก็บไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป

การทำรายการส่งพัสดุไปประเทศสหภาพยุโรปกับ FastShip

หากคุณไม่ได้ใช้หมายเลข IOSS ภาษีมูลค่าเพิ่มจะถูกเรียกเก็บในขณะนำเข้าพัสดุไปยังประเทศสหภาพยุโรป ซึงเอเจ้นท์ขนส่งที่ท่านเลือกใช้บริการผ่าน FastShip จะทำการเรียกเก็บจากผู้รับปลายทาง หรือ คุณในฐานะผู้ส่ง ซึ่งจะมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมในการทำรายการด้วย

 

สำหรับสินค้าที่ขายบนตลาดออนไลน์ (Marketplace) ให้คุณปฎิบัติตามข้อแนะนำของ Marketplace นั้นๆอย่างละเอียด

FastShip พร้อมดูแลให้คำปรึกษาผ่านช่องทางต่อไปนี้

Bitnami