27 ส.ค. รวมขนาดกล่องพัสดุที่ใช้ในการส่งของระหว่างประเทศ
คนที่ส่งของบ่อยๆน่าจะคุ้นชินกับการเลือกกล่องพัสดุในขนาดที่เหมาะสมกับสินค้าของตัวเองกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว แต่สำหรับคนที่ไม่ได้ค่อยได้จัดส่งบ่อยนัก เชื่อว่าเวลาที่ต้องจัดส่งพัสดุแต่ละทีน่าจะปวดหัวกับการเลือกขนาดกล่องพัสดุ กันแน่ๆ เพราะกล่องพัสดุที่มีวางจำหน่ายในตลาดนั้นมีให้เลือกหลากหลายขนาด วันนี้ทาง FastShip ก็เลยจะพาทุกท่านไปดูว่าขนาดกล่องพัสดุที่เป็นมาตรฐานที่นิยมใช้เพื่อจัดส่งของ โดยเฉพาะส่งของระหว่างประเทศนั้น มีขนาดกล่องอะไรบ้างค่ะ
มี ขนาดกล่อง แบบไหนบ้างที่ใช้ในการจัดส่งพัสดุ
การเลือกขนาดกล่องพัสดุถือว่าเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องตัดสินใจเลือกให้เหมาะสม โดยเฉพาะการส่งของไปต่างประเทศที่ขนาดกล่องอาจจะส่งผลทางอ้อมต่อค่าใช้จ่ายในการจัดส่งพัสดุได้ หลายๆคนอาจจะเคยสงสัยว่าทำไมบางครั้งส่งใกล้แพงกว่า ส่งไกลทำไมถูกกว่า นั่นเป็นเพราะเรื่องของขนาดกล่องพัสดุเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ที่ FastShip เรามีให้กล่องพัสดุในขนาดต่างๆให้คุณได้เลือกอย่างเหมาะสมตามขนาดของสินค้า
ขนาดกล่องพัสดุ
- เบอร์ A ขนาด 14 X 20 X 6 ซม.
- เบอร์ B ขนาด 17 X 25 X 9 ซม.
- เบอร์ C ขนาด 20 X 30 X 11 ซม.
- เบอร์ D ขนาด 22 X 35 X 14 ซม.
- เบอร์ E ขนาด 24 X 40 X 17 ซม.
- เบอร์ F ขนาด 30 X 45 X 20 ซม.
- เบอร์ G ขนาด 31 X 36 X 26 ซม.
- เบอร์ H ขนาด 40 X 45 X 34 ซม.
- เบอร์ I(หนา 5 ชั้น) ขนาด 45 X 55 X 40 ซม.
จริงๆแล้วคุณสามารถใช้กล่องแบบไหนก็ได้ แต่จะดีกว่าถ้าคุณเลือกกล่องพัสดุที่มีคุณภาพสูง แข็งแรงเพียงพอ ไม่เสียหายได้ง่ายเมื่อถูกกระแทก โดยเฉพาะการส่งของไปต่างประเทศที่กล่องของคุณจะถูกเคลื่อนย้ายไปหลายจุดและต้องผ่านพิธีการตามขั้นตอนต่างๆซึ่งจะต้องมีการยกขึ้นยกลง ทำให้มีความเสี่ยงที่สินค้าข้างในจะเกิดความเสียหายถ้าหากว่าเลือกกล่องที่มีคุณภาพไม่ดีเพียงพอ
ดังนั้นสิ่งที่คุณควรจะต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกเลยคือคุณภาพของกล่อง โดยส่วนใหญ่ สิ่งที่หลายๆคนชะล่าใจคือตัดสินใจเลือกซื้อกล่องในราคาที่ถูก เพราะอยากประหยัดค่าใช้จ่าย เพื่อให้มีกำไรมากที่สุด แต่หลายๆครั้งสิ่งที่คุณจะได้ก็คือ กล่องที่มีคุณภาพต่ำ และพัสดุที่คุณจัดส่งก็เสี่ยงที่จะได้รับความเสียหายได้ง่ายมากขึ้น แต่ถ้าคุณเลือกใช้กล่องที่มีคุณภาพ มีความหนาที่เพียงพอ ไม่บุบง่าย ไม่ฉีกขาดง่าย และทำการบรรจุหีบห่อด้วยวัสดุกันกระแทกอย่างดีซ้ำเข้าไปด้วย อย่างน้อยก็จะช่วยลดโอกาสที่พัสดุของคุณจะอยู่ในสภาวะที่เสี่ยงชำรุด โดยที่ไม่ต้องมานั่งเสียดายทีหลังค่ะ
ข้อดีของการเลือกกล่องให้ถูกขนาด
การเลือกขนาดกล่องให้ถูกขนาด เลือกให้เหมาะกับตัวพัสดุ นอกจากจะทำให้การห่อพัสดุนั้นเป็นไปได้อย่างรวดเร็วแล้ว ยังมีส่วนช่วยลดความเสียหายของพัสดุด้านในด้วย เพราะการเลือกพัสดุที่ถูกขนาดจะช่วยลดพื้นที่ว่างภายในกล่องให้เหลือน้อยลง ถ้าหากปล่อยให้พื้นที่ภายในกล่องมีพื้นที่ว่างมากจนเกินไป ก็อาจจะเกิดความเสี่ยงที่สิ่งของภายในจะเคลื่อนที่ไปมา เวลาเคลื่อนย้ายก็จะเพิ่มความเสี่ยงที่พัสดุจะกระแทกเด้งไปเด้งมาได้ ข้อดีอย่างถัดมาของการเลือกขนาดกล่องพัสดุที่เหมาะสมคือ มีส่วนช่วยในการประหยัดค่าใช้จ่ายในการจัดส่งได้อีกด้วย
หลายๆคนอาจจะสงสัยว่ามันมาเกี่ยวข้องอะไรกับราคาจัดส่งใช่ไหมคะ ถ้าอย่างนั้นเราไปดูกันว่าค่าใช้จ่ายในการจัดส่งคิดคำนวณจากอะไรกันแน่ เรามาดูกัน
ขนาดพัสดุกับค่าใช้จ่ายในการส่งของเกี่ยวข้องกับอย่างไร
- โดยปกติแล้วค่าใช้จ่ายในการจัดส่งของ ส่วนใหญ่จะคิดคำนวณค่าใช้จ่ายตามน้ำหนักของพัสดุ ถ้าพัสดุมีน้ำหนักมากก็จะมีราคาจัดส่งที่แพงขึ้น ในทางกลับกันถ้าพัสดุมีน้ำหนักน้อย ก็จะมีค่าจัดส่งที่ถูกลง
- แต่ในบางกรณี ถ้าหากพัสดุที่ทำการจัดส่งนั้นมีน้ำหนักเบาแต่มีขนาดกล่องที่ใหญ่ ค่าขนส่งก็จะถูกคำนวณจากน้ำหนักตามปริมาตร (volumetric weight) โดยใช้การคำนวณค่าขนส่งจากขนาดของกล่องคือ กว้าง x ยาว x สูง / 5,000 ก็จะได้น้ำหนักตามปริมาตร (กิโลกรัม) ของกล่อง และจะใช้ตัวเลขนี้ในการคิดค่าจัดส่งนั่นเอง